"ไกด์ตัวน้อย"
(ถ้ำแม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก)
8 วัน เต็มๆของการเดินทางเพื่อดูและเตรียมการจัดหาทุนทรัพย์เพื่อเครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาล
อ.ท่าสองยาง จ.ตาก สำหรับชีวิตผมและคนเราทุกๆคน ผมคิดและหวังเสมอว่าการได้ทำงานเพื่อสังคมแบบนี้สักครั้งนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและดีงาม
ได้มีโอกาสช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชีวิตคนเรามันสั้นมากครับ ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตของเรานั้นมีคุณค่ามากที่สุด
สร้างสิ่งที่ดีงามให้มากที่สุด สำหรับผมตอนนี้ยังเหลือเพียงการรับบริจาคทุนทรัพย์จากผู้ที่มีใจเป็นกุศล
ส่วนกำหนดระยะเวลาในการส่งมอบทุนทรัพย์นั้น ผมเองคาดว่าน่าจะไม่เกินเดือนนี้อย่างแน่นอนครับ
แล้วผมจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันผ่านช่องทางต่างๆนะครับ
บทความนี้เขียนเพื่อเป็นการตอบแทนและขอบคุณทุกๆท่านที่ได้ร่วมบริจาคทำบุญกันมานะครับ มันเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ผมนั้นพอจะทำให้ทุกๆท่านได้ และมันออกมาจากใจของผมทั้งหมด เรามาเข้าเรื่องกันเลยครับ ……
หลังจากเสร็จสิ้นจากภารกิจจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ผมแอบถือโอกาสตามแต่เวลานั้นที่พอมีเหลืออยู่ ออกหาประสบการณ์ใหม่ๆเพื่อจะได้มีเรื่องราวไว้เขียนบอกเล่าถึงสิ่งที่ได้พบเจอในการเดินทางครั้งนี้ให้กับทุกท่านได้รับรู้ถึงกลิ่นอายความรู้สึกราวกับว่าได้ท่องเที่ยวไปพร้อมๆกับผมครับ
บทความนี้เขียนเพื่อเป็นการตอบแทนและขอบคุณทุกๆท่านที่ได้ร่วมบริจาคทำบุญกันมานะครับ มันเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ผมนั้นพอจะทำให้ทุกๆท่านได้ และมันออกมาจากใจของผมทั้งหมด เรามาเข้าเรื่องกันเลยครับ ……
หลังจากเสร็จสิ้นจากภารกิจจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ผมแอบถือโอกาสตามแต่เวลานั้นที่พอมีเหลืออยู่ ออกหาประสบการณ์ใหม่ๆเพื่อจะได้มีเรื่องราวไว้เขียนบอกเล่าถึงสิ่งที่ได้พบเจอในการเดินทางครั้งนี้ให้กับทุกท่านได้รับรู้ถึงกลิ่นอายความรู้สึกราวกับว่าได้ท่องเที่ยวไปพร้อมๆกับผมครับ
เริ่มเดินทางกันเลย!! ตลอดสองข้างทางล้วนสวยงามเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และสายน้ำลำธาร
และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยที่จะต้องบอกให้ทุกคนได้รับรู้
คือวัฒนธรรมของเด็กชาวกะเหรี่ยงตัวน้อยๆที่ผมเองประทับใจไม่รู้ลืม นั้นคือ การ ยืนเรียงรายสองข้างทางพร้อมกับการยกมือไหว้ทักทายแก่ผู้ที่มาเยือน
ซึ่งผมเองและน้องๆผู้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ในตอนแรกผมไม่ใจแน่ว่าเด็กเหล่านั้นมา
ยืนรอขอเงินเล็กๆน้อยๆจากนักท่องเที่ยวหรือ ยืนเพื่อขออะไรกันแน่ ผมรู้ครับมันช่างเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าซะเลย ผมแอบเก็บความคิดนี้เอาไว้ในใจไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกหรือถามใครเขา
กลัวเขาจะหาว่าเราเองมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง เอาอะไรมาคิด!
(ก็เอาเถอะนะครับคนเรานั้นห้ามความคิดกันได้ที่ไหน)
ผมได้สอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่ป่าไม้แถวนั้นและความจริงก็ปรากฏตรงหน้าผม ความจริงที่ว่ากลับตรงข้ามกับความคิดของผมเมื่อสักครู่นี้เลย "เด็กๆที่มายืนนั้นเขาไม่ได้หวังอะไรครับ เพียงแค่ยืนเพื่อให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราที่แวะมาเที่ยวบ้านของเขาเท่านั้นเอง" เด็กๆเหล่านี้จะยกมือไหว้ให้การต้อนรับผู้มาเยือนแบบนี้เสมอ (คิดย้อนเมื่อสักครู่ความคิดของผมมันช่างเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยจริงๆ สรุปเองคิดเองเออเองอะไรประมาณนั้นครับ)
มารยาทเด็กที่นั่นผมบอกเลยว่า "ยอดเยี่ยมมาก" (ซึ่งผิดกับที่ปรึกษาการขายหลายๆคนนะครับที่มารยาทนั้นผมยังรับไม่ได้เลย) อีกทั้งมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ที่ออกมาทางสีหน้าและแววตาของพวกเขาอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะมอมแมมไปบ้างแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ผมกลับคิดว่าเป็นเสน่ห์ที่น่ารักไปอีกแบบ แม้ว่าในมุมมองของเราทุกคนที่มองเขาเหมือนขาดโอกาสหลายๆอย่าง แต่ในความคิดของผมเด็กเหล่านี้ไม่ได้ขาดโอกาสใดๆเลย แต่เขากลับมีเพียบพร้อมทุกอย่าง และมีมากกว่าเราทุกคนด้วยซ้ำ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการได้อยู่กับธรรมชาติสิ่งและแวดล้อมที่ดี อากาศที่บริสุทธิ์ การใช้ชีวิตที่ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีหรือเอารัดเอาเปรียบใคร ชาวกะเหรี่ยงไม่ได้เกียจคร้านในการทำงาน แต่ตรงกันข้าม
กลับมีความขยันอย่างมาก (เมื่อเทียบกับพวกเราวันๆ เอาแต่จะหาวันหยุดเพื่อพักผ่อน อาทิตย์หนึ่งจะมีวันหยุดให้เราได้พักวันไหน เราคิดเพียงเท่านี้จริงๆ)
ผมได้สอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่ป่าไม้แถวนั้นและความจริงก็ปรากฏตรงหน้าผม ความจริงที่ว่ากลับตรงข้ามกับความคิดของผมเมื่อสักครู่นี้เลย "เด็กๆที่มายืนนั้นเขาไม่ได้หวังอะไรครับ เพียงแค่ยืนเพื่อให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราที่แวะมาเที่ยวบ้านของเขาเท่านั้นเอง" เด็กๆเหล่านี้จะยกมือไหว้ให้การต้อนรับผู้มาเยือนแบบนี้เสมอ (คิดย้อนเมื่อสักครู่ความคิดของผมมันช่างเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยจริงๆ สรุปเองคิดเองเออเองอะไรประมาณนั้นครับ)
มารยาทเด็กที่นั่นผมบอกเลยว่า "ยอดเยี่ยมมาก" (ซึ่งผิดกับที่ปรึกษาการขายหลายๆคนนะครับที่มารยาทนั้นผมยังรับไม่ได้เลย) อีกทั้งมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ที่ออกมาทางสีหน้าและแววตาของพวกเขาอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะมอมแมมไปบ้างแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ผมกลับคิดว่าเป็นเสน่ห์ที่น่ารักไปอีกแบบ แม้ว่าในมุมมองของเราทุกคนที่มองเขาเหมือนขาดโอกาสหลายๆอย่าง แต่ในความคิดของผมเด็กเหล่านี้ไม่ได้ขาดโอกาสใดๆเลย แต่เขากลับมีเพียบพร้อมทุกอย่าง และมีมากกว่าเราทุกคนด้วยซ้ำ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการได้อยู่กับธรรมชาติสิ่งและแวดล้อมที่ดี อากาศที่บริสุทธิ์ การใช้ชีวิตที่ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีหรือเอารัดเอาเปรียบใคร ชาวกะเหรี่ยงไม่ได้เกียจคร้านในการทำงาน แต่ตรงกันข้าม
กลับมีความขยันอย่างมาก (เมื่อเทียบกับพวกเราวันๆ เอาแต่จะหาวันหยุดเพื่อพักผ่อน อาทิตย์หนึ่งจะมีวันหยุดให้เราได้พักวันไหน เราคิดเพียงเท่านี้จริงๆ)
คนกะเหรี่ยงผมขอเปรียบพวกเขาเหมือน
“ มดงาน ” ที่ทำงานอย่างขะมักเขม้น แตกต่างจากเราที่ "หมดโอกาสในการใช้ชีวิตแบบนี้" ชอบอยู่กันแบบสบาย อะไรก็ได้ทำเพียงแค่ผ่านวันๆไปเท่านั้น
ซึ่งสังคมแบบนี้ไม่น่าอยู่เลยครับ ปิดกั้นโอกาสตัวเองปล่าวๆ
เกริ่นกันซะนาน ..... เผลอแป๊บเดียวรถก็มาจอดยังที่หมายที่อยากจะมาซะที นั่นคือ "ถ้ำแม่อุสุ" ตามคำบอกเล่าของน้องๆพยาบาล ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านภายใน ระยะทางห่างจากโรงพยาบาลเพียง 10 กิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น สิ่งแรกที่สร้างความตื่นตาตื่นใจทันทีที่ได้มาถึง นั่นคือผืนป่าและขุนเขาน้อยใหญ่เรียงรายสลับกันไปมาสวยงามราวกับภาพเขียนเลยครับ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ สายน้ำที่ใสสะอาดไหลเย็นสดชื่น (เหมือนที่ท่านว่าไว้สายน้ำไม่มีวันหวนกลับย่อมไหลลงที่ต่ำเสมอ) จนมองเห็นปลาตัวน้อยใหญ่ได้อย่างชัดเจน บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและต้นน้ำลำธารจริงๆ
จากการอ่านตามป้ายที่เขียนบอกไว้ระยะทางภายในถ้ำจนถึงทางออก รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ดูแล้วมันไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับผมเลยครับ ว่าแล้วก็จัดแจงตัวเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมในการเดินกันอีกครั้ง แต่ก่อนอื่นต้องทำตามธรรมเนียมของนักท่องเที่ยวกันก่อน นั่นคือการซื้อบัตรผ่านเพื่อที่จะได้เดินเข้าชมภายในบริเวณถ้ำได้อย่างอิสรเสรี อัตราค่าบริการนักท่องเที่ยวต่อคนก็ไม่แพงอย่างที่คิด ค่าบริการเพียงท่านละ 40 บาทเท่านั้น แต่ยังไม่จบครับยังมีข้อบังคับอย่างอื่นอีก คือ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องมีไกด์เพื่อนำเที่ยวภายในถ้ำ อัตราค่าบริการของไกด์ก็แสนที่จะถูกมากๆครับ คือแล้วแต่เราจะให้กับไกด์เอง (ถูกของผมที่นี้ เป็นการถูกแบบกึ่งบังคับ แต่เป็นแบบบังคับให้ในที นี่เป็นกลยุทธ์อีกอย่างหนึ่งที่ควรจะนำไปใช้ในงานขายหรืองานศูนย์บริการของเราทุกคนได้เป็นอย่างดีคงพอที่จะเข้าใจนะครับ) และนี่ก็คือที่มาของเรื่องที่ผมจะเขียน
ใช่แล้วครับ ไกด์ของผม คือ “ เด็กกะเหรี่ยง ”
เป็นเด็กน้อยที่บ้านอยู่บริเวณรอบๆถ้ำแห่งนี้
แทนที่พวกเขาจะพากันเที่ยวเล่นตามประสาเด็ก แต่สำหรับที่นี่ไม่เป็นอย่างนั้นเลย
พวกเขาจะใช้เวลาช่วงวันหยุดมารวมตัวกันเพื่อหารายได้จากการรับหน้าที่เป็นไกด์พานักท่องเที่ยวเยี่ยมชมภายในถ้ำ
สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นการให้โอกาสกับเด็กๆที่นั่นอีกทั้งเป็นการส่งเสริมสร้างรายได้ไปในตัวอีกด้วยและผมเองก็ตกเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย
ตกลงกันเรียบร้อยผมก็ได้ไกด์ตัวน้อยๆเป็นผู้นำทางหนึ่งคนตามเกณฑ์ที่ทางอุทยานได้ว่าบอกเอาไว้ อ้อ!!!!!!ผมลืมที่จะบอกไป ชื่อเสียงเรียงนามของไกด์อย่าถามผมนะครับเพราะผมเป็นคนที่สมองไม่ค่อยจะดีนักดันลืมชื่อไกด์ของผมซะงั้น จำได้เพียงว่าไกด์ของผมเขาจะมีสองชื่อ คือชื่อไทยและชื่อกะเหรี่ยง และทั้งสองชื่อนี้ผมก็จำไม่ได้อีกนั้นแหละครับ เอาเป็นว่าเรามาเริ่มการเดินทางกันเลยดีกว่า
ตกลงกันเรียบร้อยผมก็ได้ไกด์ตัวน้อยๆเป็นผู้นำทางหนึ่งคนตามเกณฑ์ที่ทางอุทยานได้ว่าบอกเอาไว้ อ้อ!!!!!!ผมลืมที่จะบอกไป ชื่อเสียงเรียงนามของไกด์อย่าถามผมนะครับเพราะผมเป็นคนที่สมองไม่ค่อยจะดีนักดันลืมชื่อไกด์ของผมซะงั้น จำได้เพียงว่าไกด์ของผมเขาจะมีสองชื่อ คือชื่อไทยและชื่อกะเหรี่ยง และทั้งสองชื่อนี้ผมก็จำไม่ได้อีกนั้นแหละครับ เอาเป็นว่าเรามาเริ่มการเดินทางกันเลยดีกว่า
เริ่มต้นด้วยการเดินลุยน้ำที่ขอบอกเลยว่า น้ำเย็นมากๆ
แถมด้วยกลิ่นขี้ค้างคาวที่เหม็นสุดจะบรรยายไปทั่วบริเวณถ้ำ (ลองคิดดูนะครับว่ามันจะเหม็นกันขนาดไหน?) แต่ส่วนตัวผมแล้วมันก็ได้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติจริงๆไปอีกแบบนะครับ
การเดินภายในถ้ำมีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร แต่ยังไม่รวมถึงการเดินลัดเลาะหลังจากทะลุถ้ำไปแล้วนะครับ ยังมีที่ต้องเดินเที่ยวชมป่าอีกรวมเบ็ดเสร็จก็ประมาณ 7-8 กิโลเมตร เห็นจะได้ ระยะทางขนาดนี้ก็ถือว่าไกลอยู่เหมือนกันครับ
ระหว่างทางเดินไปคุยไปกับไกด์ตัวน้อยของผม คุยรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งตามประสา แต่รู้ไหมครับว่าเสน่ห์ของไกด์ตัวน้อยของผมมันอยู่ตรงที่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องนี่หล่ะครับ เช่น เดินภายในถ้ำมาได้สักพักเราก็มาเจอหินที่อยู่ภายในถ้ำที่มีลักษณะที่คล้ายกับ "แม่กำลังอุ้มลูก" ไกด์ตัวน้อยของผมก็ไม่รอช้าที่จะนำเสนอสิ่งๆนั้นราวกับว่าเป็นเรื่องที่ขาดการอธิบายไม่ได้ (ท่านลองคิดดูนะครับว่าที่ทุกๆท่านนำเสนอสินค้าหรือรถยนต์ในราคาหลักแสนจนถึงหลักล้านนั้น ท่านได้ให้อะไรกับลูกค้าบ้าง หรือขาดหลักการที่สำคัญอะไรที่ไม่ควรจะขาดมันไปหรือเปล่า??????)
ว่าแล้วไกด์ของผมก็เริ่มนำเสนอสิ่งนั้นด้วยความตั้งใจพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือให้ผมมองตาม พูดเสียงดังฟังชัดกึกก้องสะท้อนภายในถ้ำกลับมาให้ผมได้ยินว่า " แม่อู้ลู่ " โอ้!!!!!! เอาแล้วไงครับผมถึงกับงงทันที ที่งงนี้ไม่ใช่อะไรนะครับผมงงเพราะภาษาที่เขาพยายามสื่อสารให้ผมเข้าใจ ผมตั้งใจฟังกี่ครั้งๆก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูด (ทุกๆท่านขอให้เข้าใจนะครับเวลาที่ท่านอธิบายตัวรถหรืออธิบายอุปกรณ์ต่างๆหรือแม้กระทั่งรายละเอียดที่สำคัญๆ ขอให้อธิบายให้ลูกค้าของท่านได้เข้าใจไปพร้อมๆกับตัวท่านด้วยนะครับอย่าได้เอาตัวเองเป็นเกณฑ์เด็ดขาด)
ในเมื่อรู้ว่าผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ไกด์ตัวน้อยก็เริ่มแสดงท่าทางที่สามารถสื่อให้ผมได้เข้าใจว่าสิ่งที่เขากำลังจะอธิบายนั้นมันคืออะไร เขาแก้ปัญหาด้วยการใช้ "ภาษากาย" และมันได้ผลครับมันมากกว่าความเข้าใจ คงไม่ต้องถามผมนะครับว่าผมถึงบางอ้อหรือยัง ผมตอบได้ชัดๆว่า ผมเลยบางอ้อไปอีก ต้องยอมรับว่าความฉลาดและไหวพริบของเขานั้นเกินอายุจริงๆ (ภาษาอีกภาษาที่ทุกท่านสามารถที่จะแสดงได้เป็นอย่างดีคือ ภาษากายนี่หล่ะครับ และท่านได้พยายามที่จะแสดงภาษากายของท่านด้วยความสุภาพอ่อนน้อมต่อลูกค้าของท่านแล้วหรือยัง? )
"ภาษาแต่ละภาษามันมีเสน่ห์และงดงามในตัวของมันเอง" อย่างที่ใครหลายๆ
คนนั้นพูดเอาไว้ว่า
" มันไม่มีช่องว่างสำหรับภาษา แท้จริงแล้วภาษาสามารถสื่อสารหรือเชื่อมโยงกันได้ทุกๆภาษา และทำให้ทุกคนนั้นสามารถเข้าใจได้ถ้าหากใช้ความตั้งใจฟัง และเรียนรู้ให้มากๆเพียงเท่านั้นเอง "
เดินกันไปก็ชมความงามของหินภายในถ้ำแม่อุสุกันไป ในใจผมคิดว่าจะลองใจอะไรกับไกด์ตัวน้อยของผมดี คิดๆๆๆๆๆๆๆๆ อยู่สักพัก ความคิดของผมก็เกิดขึ้น ผมแกล้งพูดขอให้ไกด์ตัวน้อยพาผมได้เดินชมป่าให้ทั่วบริเวณถ้ำและเขาลูกนี้ทั้งหมด แล้วเดินลัดเลาะทะลุไปสู่ทางออกอีกด้านหนึ่งของถ้ำ รู้สึกถึงความคิดที่ไม่ดีของผมใช่ไหมครับ รู้ทั้งรู้ว่าไกด์ตัวน้อยของผมไม่มีรองเท้าใส่แล้วเขาจะตอบมาอย่างไร? และคำตอบนั้นเองทำให้ผมรู้สึกแปลกใจอย่างมากไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาจะตอบกลับออกมาแบบนั้น
โอ้วววววว!!!!!!!!!! เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจผมเลยครับ ไกด์ตัวน้อยของผมเองไม่รีรอตอบรับตามคำขอของผมในทันทีแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆซะด้วย มันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินนะสิ เพราะในใจของผมไม่ได้คิดอยากที่จะเดินป่าเอาซะเลย จะให้ผมทำอะไรได้หล่ะครับก็ผมพูดออกไปแล้วก็ต้องตามนั้น!!!!!!!!!!!!!!!
" มันไม่มีช่องว่างสำหรับภาษา แท้จริงแล้วภาษาสามารถสื่อสารหรือเชื่อมโยงกันได้ทุกๆภาษา และทำให้ทุกคนนั้นสามารถเข้าใจได้ถ้าหากใช้ความตั้งใจฟัง และเรียนรู้ให้มากๆเพียงเท่านั้นเอง "
เดินกันไปก็ชมความงามของหินภายในถ้ำแม่อุสุกันไป ในใจผมคิดว่าจะลองใจอะไรกับไกด์ตัวน้อยของผมดี คิดๆๆๆๆๆๆๆๆ อยู่สักพัก ความคิดของผมก็เกิดขึ้น ผมแกล้งพูดขอให้ไกด์ตัวน้อยพาผมได้เดินชมป่าให้ทั่วบริเวณถ้ำและเขาลูกนี้ทั้งหมด แล้วเดินลัดเลาะทะลุไปสู่ทางออกอีกด้านหนึ่งของถ้ำ รู้สึกถึงความคิดที่ไม่ดีของผมใช่ไหมครับ รู้ทั้งรู้ว่าไกด์ตัวน้อยของผมไม่มีรองเท้าใส่แล้วเขาจะตอบมาอย่างไร? และคำตอบนั้นเองทำให้ผมรู้สึกแปลกใจอย่างมากไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาจะตอบกลับออกมาแบบนั้น
โอ้วววววว!!!!!!!!!! เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจผมเลยครับ ไกด์ตัวน้อยของผมเองไม่รีรอตอบรับตามคำขอของผมในทันทีแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆซะด้วย มันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินนะสิ เพราะในใจของผมไม่ได้คิดอยากที่จะเดินป่าเอาซะเลย จะให้ผมทำอะไรได้หล่ะครับก็ผมพูดออกไปแล้วก็ต้องตามนั้น!!!!!!!!!!!!!!!
และแล้วไกด์ตัวน้อยคนเดิมก็เป็นผู้นำทางเดินป่าตามคำขอที่ผมแค่พูดลองใจเอาไว้
(พลาดมาก 55+ ) (คงพอจะทราบนะครับว่าการที่ลูกค้าร้องขออะไรด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจก็แล้วแต่
เราได้แก้ไขปัญหาต่างๆของลูกค้าที่ค้างคาใจให้เขาแล้วหรือยัง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วที่ปรึกษาการขายมักจะทิ้งหรือปัดความรับผิดชอบ
ในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าของตัวเอง หรือตอบสนองลูกค้าเพียงแค่ครึ่งๆกลางๆ
ตุถ้าเปรียบเทียบกับไกด์ตัวน้อยๆของผมคำว่า "ปฏิเสธ" นั้นไม่มีออกมาจากปากของเขาให้ผมได้ยินเลยแม้แต่คำเดียว
แถมยังพยายามที่จะทำให้ผมนั้นมีความพึงพอใจมากที่สุด
พยายามทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดียิ่งขึ้นไปอีก
ที่ปรึกษาการขายลองสำรวจตัวเองดูนะครับว่าท่านมีคุณสมบัติข้อนี้มากน้อยแค่ไหน??????????????????)
พาผมเดินป่าเป็นระยะทางอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร สภาพโดยรวมของเส้นทางการเดินป่าค่อนข้างลำบากพอสมควร น้ำที่จะดื่มกินก็ไม่มีและไม่ได้เตรียมไปด้วย บวกกับตอนนั้นผมได้เลิกสูบบุหรี่หลังจากที่สูบมาเป็นระยะเวลาเกือบๆ 30 ปีเห็นจะได้มันทำให้ผมเหนื่อยง่ายกว่าปกติครับ ด้วยความกระหายผมจำเป็นที่ต้องดื่ม “น้ำในลำธารแทน” เมื่อความกระหายหายไปมันทำให้ผมนึกถึงสมัยเด็กๆ ตามประสา "คนบ้านนอก" ที่น้ำท่าต่างๆสามารถหากินได้ตามห้วยหนองคลองบึง ปราศจากสารเคมีเจือปน สามารถดื่มน้ำได้ตามใจชอบ แต่การได้เดินป่า ปีนเขาเดินลัดเลาะตามเส้นทางชันๆในครั้งนี้ มันมีแต่สร้างความสุขให้กับผม รู้สึกเหมือนผมได้ปลดปล่อยทุกอย่างที่แบกไว้มานานและทิ้งมันไว้ที่นี่ ร่างกายของผมไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ระบบการหายใจ ถูกรักษาด้วยอากาศและธรรมชาติที่บริสุทธิ์ของที่นี่เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
พาผมเดินป่าเป็นระยะทางอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร สภาพโดยรวมของเส้นทางการเดินป่าค่อนข้างลำบากพอสมควร น้ำที่จะดื่มกินก็ไม่มีและไม่ได้เตรียมไปด้วย บวกกับตอนนั้นผมได้เลิกสูบบุหรี่หลังจากที่สูบมาเป็นระยะเวลาเกือบๆ 30 ปีเห็นจะได้มันทำให้ผมเหนื่อยง่ายกว่าปกติครับ ด้วยความกระหายผมจำเป็นที่ต้องดื่ม “น้ำในลำธารแทน” เมื่อความกระหายหายไปมันทำให้ผมนึกถึงสมัยเด็กๆ ตามประสา "คนบ้านนอก" ที่น้ำท่าต่างๆสามารถหากินได้ตามห้วยหนองคลองบึง ปราศจากสารเคมีเจือปน สามารถดื่มน้ำได้ตามใจชอบ แต่การได้เดินป่า ปีนเขาเดินลัดเลาะตามเส้นทางชันๆในครั้งนี้ มันมีแต่สร้างความสุขให้กับผม รู้สึกเหมือนผมได้ปลดปล่อยทุกอย่างที่แบกไว้มานานและทิ้งมันไว้ที่นี่ ร่างกายของผมไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ระบบการหายใจ ถูกรักษาด้วยอากาศและธรรมชาติที่บริสุทธิ์ของที่นี่เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
การเดินทางในครั้งนี้ผมถือว่าเป็น
“ กำไรชีวิต “ มันคุ้มค่ามากครับ
ป่าไม้เมืองไทยยังมีความสวยงามและคงสภาพที่อุดมสมบูรณ์อยู่มาก ต้นไม้แต่ละต้นดูๆแล้วต้องใช้คนโอบประมาณ
4-5
คนเป็นอย่างต่ำ
ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำลำธารซึ่งเป็นสมบัติของคนในชาติและคนทั้งโลกเอาไว้เพื่อให้คงอยู่สำหรับคนปลายน้ำอย่างเราทุกคน
นั้นคือ ชาวกะเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) ครับ พวกเขาดำเนินวิถีชีวิตที่พอเพียง
และเชื่อมั่นตามรอยพระราชบัญญัติของพ่อหลวง ร.9 ที่ว่า " พอเพียง และเพียงพอ " อย่างแท้จริง
การมาในครั้งนี้มันคือความ “ ภาคภูมิใจ ”
ของการที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย ได้ทั้งการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์
เจอมิตรที่ดี เห็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามตลอดการเดินทาง ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยง
(ปกาเกอะญอ) ที่น้อยคนนักจะได้สัมผัส ได้รู้จักกับไกด์ตัวน้อยๆที่มากความสามารถ
และที่สำคัญคือ “ได้เรียนรู้ปรัชญาการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล”
เพียงเท่านี้ชีวิตก็สุขใจมากแล้ว ผมหวังว่าวันหนึ่ง ผมจะมีโอกาสได้กลับมาเยือนที่แห่งนี้และเจอกับ
” ไกด์ตัวน้อย ” ของผมอีกครั้งครับ......................................................................................................................................................
ทุกชีวิตและลมหายใจนั้นมีคุณค่า ผมในฐานะผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคนคงรู้สึกได้ไปกับธรรมชาติ รู้สึกถึงสายสัมพันธ์อันดีของชนชาวกะเหรี่ยงและมีความสุขไปกับการอ่านบทความนี้นะครับ
สุดท้ายนี้ผมขอมอบความรู้สึกที่ดีๆของผมไปถึงคนที่ผมรักและห่วงใยมากๆ
ขอให้ตัวเขาผ่านเรื่องราวที่ร้ายๆไป และขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆที่เข้ามาในชีวิต สิ่งหนึ่งที่ผมจะขาดไม่ได้คือ ผมขออุทิศบุญกุศลไปยังพ่อแม่
ญาติพี่น้องทุกๆคนที่ล่วงลับไปแล้ว และขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้นด้วยเทอญ
ด้วยความปราถนาดีจาก
"โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"
สวัสดี
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
·
www.โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง.com
·
FB:songrit songrit
·
Lind ID : taaoo429
·
Google พิมพ์คำว่า โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง







No comments:
Post a Comment