Friday, December 16, 2016

"คู่กัน"

   

ชีวิตคู่มีมากมายหลายองค์ประกอบมาก  องค์ประกอบที่สำคัญๆที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือ "ปัญหาที่เกิดขึ้น" ระหว่างทางเดิน

การเดินหนีปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้คนหนึ่งคนในคู่ที่น่าจะใช้ชีวิตร่วมกันได้ ต้องเผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพียงลำพังคนเดียวไร้คู่คิดแก้ปัญหา

" ถ้าคุณทำอย่างนั้น "คุณก็อย่าได้พูดว่า "ชีวิตคู่" เด็ดขาด เพราะตัวคุณเองจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวในชีวิตนี้หาได้มีคนคู่คิดคู่ชีวิตจริงๆอยู่ข้างๆกายคุณอย่างแน่นอน.....

ปัญหาที่เกิดขึ้น...ถ้าคุณเดินหนีปัญหาจากกันไปแล้ว นอกจากคุณจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เป็นเพราะคุณไม่เคยคิดแก้ไขแล้ว คุณยังเป็นคนที่ไม่น่าคบหาสมาคมด้วยเลยแม้แต่น้อย...เพราะคุณมองเห็นแต่ความสุขที่เกิดขึ้นเท่านั้นแต่ "ความทุกข์เป็นของใครของมัน"....ถ้าคุณยังเดินหนีปัญหาไป..ก็เท่ากับว่าคุณทิ้งโอกาสที่แสนดีไปทั้งหมดในร่วมชีวิตคู่......

              ด้วยความปราถนาดีจาก

                "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                         สวัสดี

Friday, December 9, 2016

"คนความดี"


                 " ความดี "

.....อยู่ตอนมีชีวิตเขาเรียก " คน "
.....อยู่ตอนหมดลมเขาเรียก " ตาย "
.....อยู่ในความหมายของ " คน "
.....พอสิ้นลมคนชื่นชมความ " ตาย "

ความหมายของบทความนี้..... 

ตอนที่ยังมีชีวิตเราต้องทำความดีให้มากๆ พอสิ้นลมแล้วให้ทุกๆคนได้คิดถึงความดีของเราเมื่อตายไป....นั่นแล...

          " ด้วยความปรารถนาดีจาก "

                   โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง

Wednesday, December 7, 2016

" อดีตคน ไม่มีคนในอดีต "

          " คนเก่าที่ไม่เคยเก่าเลย "

ช่วงจังหวะเวลานี้ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงอยากจะเขียนเรื่อง " ความรักของการครองคู่ชีวิต " ในลักษณะนี้มากนัก อาจเป็นเพราะแรงขอจากทุกๆท่านที่ขอผ่านทางไลน์ และทางโทรศัพท์ผมมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็เอาเถอะนะครับไหนๆก็ไหนๆแล้วก็ว่ากันไปตามท่วงทำนองของมันก็แล้วกัน

" ความสำคัญของคน ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเราหรือใครจะผ่านอะไรมาบ้าง แต่สิ่งสำคัญวันนี้เราทำอะไร ?  สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็อย่าให้ความสำคัญมากจนเกินไป เพราะเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขให้มันดีขึ้นมาได้  "  

" เมื่อถูกคนรักทำร้ายมา เราควรเขียนคุณค่าไว้บนผืนทราย สายลมของการให้อภัยจะทำหน้าที่พัดผ่านลบล้างมันไปไม่มีอะไรหลงเหลือ แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีๆมากมายผ่านเข้ามา เราควรสลักคุณค่าของความดีไว้บนหินผาแห่งความทรงจำของหัวใจ ถึงแม้ลมจะพัดแรงเพียงใดก็ไม่สามารถลบล้างมันได้ตลอดกาล "

" คนเก่าที่พลัดถิ่นคนถิ่นที่พลัดที่ "   เราทุกคนล้วนมีรอยอดีต "บาดแผลลึกที่เจ็บหนักแทบล้มแทบตายมาด้วยกันทั้งนั้น "  สูญเสียน้ำตามาก็มากพอดู แต่นั่นมันไม่สำคัญอะไร อยู่ที่ว่า " เราจะทำปัจจุบันนี้ให้ดีได้อย่างไร จะรักและรับกับมันได้หรือ " เพราะทุกๆอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ที่ " ใจของเราเอง " เป็นตัวกำหนดเพียงตัวเดียว" ความรักความเอาใจใส่ " จะเกิดขึ้นเพียงคนเดียวไม่ได้อย่างเด็ดขาด จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจาก "คนสอนคน" จากคนที่เรารักและรักเรา เป็นพื้นฐานของความรัก การดูแลสนับสนุนเกื้อกูลกัน เห็นอกเห็นใจกัน เรียงร้อยถ้อยคำปลอบประโลมให้กำลังใจกันและกันในเวลาที่คนรักของเรานั้นเกิดความท้อแท้ หรือมีปัญหาเกิดขึ้นมา  

"การสานสายใยสัมพันธุ์ของคนสองคน " ก่อให้เกิด" ความรักอันบริสุทธิ์ " มันคือสิ่งที่เราทุกๆคนต้องการมันและควรจะทำมันให้เกิดขึ้นในชีวิตคู่ การที่เราจะให้อะไรกับคนรักอย่ารีรอที่จะให้เรามีอะไรทุกอย่างที่เพรียบพร้อมก่อน แต่จงให้ทุกๆอย่างที่มี ถึงมันจะน้อยนิดแต่ก็สามารถทำใจจิตใจเราทั้งคู่ได้ชุ่มชื่นใจทุกเวลา "ด้วยความรักความเชื่อใจกัน" จะนำพาคนสองคนผ่านพ้นวิกฤตร้ายๆไปได้  หากว่าท่านหรือตัวของผมเองทำได้และมีคนรักแบบนี้แล้วเราทุกๆคนจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกใบนี้เลย

ขอให้จำไว้ว่า "ปัจจุบันนี้เรายังมีกันและกันอยู่เสมอและตลอดไป " หนักนิดเบาหน่อยก็ขอให้รู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกัน มันจะนำพาไปสู่ "การครองรักได้อย่างยืนยาวและนานแสนนานที่สุด "  อย่างแน่นอน

บทความนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของ " คนอดีต " แต่ไม่ใช่ " อดีตคน " อย่างที่หลายๆท่านได้มองกันเพราะในความหมายของผมแล้ว " ทุกๆคนไม่ใช่คนในอดีต " แต่เป็น " คนในปัจจุบัน " เสมอขอจงทำปัจจุบันนี้ให้ดีและให้สมกับคำว่า " คนเก่าที่ไม่เคยเก่าเลย " ก็สมบูรณ์ดีงามแล้ว

" จุดหมายปลายทางนั้นไม่ใช่ตัวบ่งชี้ ที่สำคัญ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น คือระหว่างทางเดินที่เดินไปต่างหากเราจะพานพบประสบเจอกับอะไรบ้าง และสิ่งนี้จะเป็นบททดสอบการเดินทางของคู่ชีวิตได้เป็นอย่างดีในการมีชีวิตคู่ "

ขอบคุณสำหรับทุกๆท่านที่ได้ติดตามอ่านบทความที่ผมได้เขียนขึ้นมาด้วยปลายปากกาและประสบการณ์เพียงน้อยนิดของผมเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความบทนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆท่านในการครองชีวิตคู่ไม่มากก็น้อย ความดีทั้งหมดนี้ผมขอส่งผ่านไปยังผู้หญิงที่ผมรักมาก ขอให้ตัวเขาประสบแต่สิ่งที่ดีงาม สุขภาพร่างกายแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้สมตามความปราถนาทุกประการ........


Happy ending year and happy new year 

            ด้วยความปรารถนาดีจาก

               "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                         สวัสดี

ติดตามอ่านผลงานเพิ่มเติมได้ที่

• www.โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง.com
• FB: songrit songrit
• Id line: taaoo429

• Google .พิมพ์คำว่า "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"


Monday, December 5, 2016

"คู่ชีวิต" # 2

          "ชีวิตคู่ฅน ฅนคู่ชีวิต"

จากเรื่องราวที่ได้เขียนให้ทุกๆคนได้อ่านไปแล้วในบทความเรื่อง"คู่ชีวิต" ส่วนใหญ่จะเป็นอารมย์ความรู้สึกในแบบฉบับของ"ผู้ชาย"ส่วนบทความบทนี้ผมจะเขียนและถ่ายทอดอารมย์ความรู้สึกในแบบฉบับของ"ผู้หญิง" ให้ได้อ่านกันบ้าง

ก่อนอื่นผมต้องขอประทานโทษอีกครั้งเพราะผมไม่มั่นใจว่าผู้หญิงทุกคนจะคิดในรูปแบบที่ผมจะเขียนนี้หรือเปล่าก็ต้องเอ่ยคำขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

"คู่ชีวิต"เปรียบเสมือนใจสองดวงมารวมกันก่อให้เกิด"การร่วมชีวิตคู่" กันเกิดขึ้น

"ผู้หญิง" จะเป็นฝ่ายที่เสียสละมากที่สุดกับการที่ได้รักผู้ชายคนหนึ่งไม่จำเป็นว่า "ผู้ชาย" คนนั้นจะหล่อรวยหรือจะดีมากขนาดไหนก็ตาม เธอเสียสละแม้กระทั่งเวลา การเอาใจใส่ดูแลชีวิตตนเอง ทั้งเรื่องงานนอกบ้านและในบ้านที่รับผิดชอบ เกิดความท้อแท้มากมาย แต่ด้วยเพราะ"ความรักเยื่อใยสัมพันธ์" ที่มีให้กับ"คู่ชีวิต" เธอจะเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เคยปริปากบ่นให้ได้ยินเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผู้ชายอย่างเราๆจะทราบหรือไม่ว่า"ผู้หญิงคู่ชีวิต" ของคุณหรือของผมเป็นลักษณะแบบนี้

ตัวเธอนั้นขอเพียงแค่ความเห็นอกเห็นใจ"ความรักความซื่อสัตย์" ที่มีให้กันและกันเพียงแค่นั้น ไม่ว่า "คู่ชีวิต" ของเธอนั้นจะเจอะเจอเรื่องร้ายๆมาก็ตาม ทุกข์อะไรมาก็ตามเธอนั้นก็จะพยายาม "ปลอบประโลม" เราอยู่เสมอให้ได้ผ่อนคลายจากความทุกข์ต่างๆที่เจอมันมา

มีผู้รู้เคยกล่าวไว้ว่า"ผู้ชาย" จะเริ่มความรักจาก 100 แล้วลดลงมาเรื่อยๆส่วนจะเหลือเท่าไรนั้นก็อยู่ที่ตัวบุคคล
ส่วน"ผู้หญิง" กลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงคือ เริ่มจาก 0 แล้วมากขึ้นเรื่อยๆจนบางครั้งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดกับความรักของเธอที่มีให้ และเธอจะทำทุกอย่างที่ทำให้เราจนเหมือนกับว่ามันล้นทะลักจนเกินไป อาจจะเป็นฉนวนของการทะเลาะกันเอาเสียดื้อๆ  แล้วถ้าขาดสติทั้งคู่  ต้องการเอาชนะกัน  ไม่ยอมกัน  ทุกอย่างก็จบแบบไม่สวยทุกที นั่นคุณจะเสียโอกาสอันดีที่สุดไป

"ผู้ชาย" หากรู้จักดึงสติกลับมาให้เร็วแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่าใช้อารมย์ตนเองเกินไปทุกอย่างก็จะจบลงได้เร็วเพราะผู้หญิงโกธรได้ไม่นานผมเชื่ออย่างนั้น  "เพราะอะไร!!  เพราะเรายังรักกันอยู่  ยังมีกันและกันอยู่ตลอดไป "

แม้บางกรณีผู้หญิงจะรู้ว่าตัวเองนั้นผิด แต่ก็อยากให้เรานั้นเป็นฝ่ายงอนง้อ  เพราะลึกๆในใจแล้วมันเป็นความรู้สึกว่า " ตัวเองยังมีค่าอยู่ " ไม่เชื่อลองถามคู่ชีวิตของคุณดูสิว่ามันจริงหรือเปล่า  

การเจอะเจอกัน รักกันนั้นไม่ยาก "แต่จะอยู่ด้วยกันและรักษาความรักมันไว้ให้นานๆนี่สิยากกว่า" ต้องใช้องค์ประกอบรวมหลายๆอย่างทั้งหมดไปพร้อมๆกันเมื่อมันเกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นมาในชีวิตคู่ แต่สำหรับผู้ชายบางคนไม่สามารถใช้องค์ประกอบได้ครบทุกอย่าง 

ผู้ชายอย่างเราๆจงรู้ไว้เถอะว่า  "เมื่อไม่มีคู่ชีวิตที่ดีๆอย่างนี้แล้วชีวิตเราจะหมดความหมายไปทันที" แล้วจะไม่สามารถดึง "ผู้หญิงคู่ชีวิต" กลับคืนมาได้อีกเลยเกิดความสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย

สุดท้ายผมขอฝากบทความนี้สำหรับคุณผู้ชายทุกๆท่านรวมถึงตัวผมเอง "ขอให้หมั่นทะนุถนอม" คู่ชีวิตของเราเอาไว้ให้ดีๆสร้างความรักให้เกิดขึ้นในทุกๆวัน"ทำให้เป็นวันแรกๆของการรักกันใหม่ๆ" ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว"คู่ชีวิต" จะไม่มีอะไรมาพรากเธอไปจากเราได้อย่างแน่นอน

ความคิดและความหวังดีที่ผมมีให้กับทุกๆท่านนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำพาการครองคู่อยู่กับเราได้นานตราบนานเท่านาน ความดีของสิ่งนี้ ผมขอมอบให้กับผู้หญิงที่ผมรักและเป็นบทความเพื่อขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้คนรักของผมจงประสบกับความสุข ตลอดกาล....ขอบคุณ

            Ta........รักและห่วงใย

             ด้วยความปราถนาดีจาก

                "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                         สวัสดี

• ติดตามเพิ่มเติมได้ที่
• www.โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง.com
• FB.songrit songrit
• Line id.taaoo429

Saturday, December 3, 2016

"คู่ชีวิต"

                "ฅนคู่ชีวิต"

"ผู้ชายดีต้องมีผู้หญิงดีคนหนึ่งคอยสนับสนุน ดูแลเอาใจใส่ ชื่นชมสรรเสริญ ปรึกษาแนะนำอยู่ข้างกาย หากปราศจากผู้หญิงดีๆ คนนั้น จะมีผู้ชายดีๆ คนนี้ได้อย่างไร?

จากประสบการณ์ที่ผมเองนั้นได้ผ่านเรื่องนี้มาไม่ใช่น้อยๆเลยว่า"คู่ชีวิต"นั้นความหมายควรจะเป็นอย่างไร?อะไรที่ทำให้ผมต้องคิดแบบนี้ มีหลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหนึ่งของคนเรามักจะเป็นบทเรียนที่คอยสอนและเตือนสติอยู่เสมอ

ลองมาอ่านเรื่องราวกันดูว่า"ภรรยาหรือคู่ชีวิต"นั้นจะเป็นอย่างไร แต่ก่อนอื่นต้องขอประทานโทษก่อนนะครับว่าผมเองไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าใครหรือโทษใครคนใดทั้งสิ้นเลยนะครับ

"สุดยอดปรารถนาของสามีคือการได้มาซึ่งภรรยาคู่ชีวิต" มีค่ามากกว่า ความสวย ความงาม และสารพัดที่จะคิดมโนกับความงามทั้งหมด และสรุปโดยรวมทั้งหมดนี้เรียกว่า "รูปธรรม"เพียงเท่านั้นเอง

จากประสบการณ์การใช้ชีวิตในลักษณะนี้มามากมายเกินจะนับได้ว่ามากเท่าไรแล้ว
แพ้ชนะมาก็มากโขอยู่ การใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงคงอยากที่จะได้คนที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขทั้งในยามชนะ และในวันที่แพ้ที่ทุกอย่างในโลกนี้ไม่ได้เป็นใจ

ในวันที่ชนะหาคนร่วมดีใจได้ไม่ยากเย็นนัก แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่น่ายกย่องยินดีกับสิ่งนี้เลย
แต่ถ้าในวันที่เราแพ้พังเดินโซซัดโซเซซมซานสาหัสกลับบ้านต่างหาก "ใครคือคนที่จะอยู่เคียงข้างเราในเวลานั้น"

สำหรับผู้ชายหลายๆคน วันที่เกิดเรื่องในลักษณะแบบนั้น ตัวเขาอ่อนแอยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ทั้งในเรื่องของหน้าที่การงานที่ทำอยู่หรือเรื่องต่างๆที่สาระพัดจะประดังประเดเข้ามาเกินความรับผิดชอบที่รับมันได้

ขอให้คู่ชีวิตให้ได้เข้าใจเขา เปิดพื้นที่ว่างเล็กๆให้เขานั้นได้ถอดหน้ากากทิ้งไป ให้ได้นั่งพักพิงสักครู่ ขอเพียงให้คู่ชีวิตได้ทำหน้าที่ดูแลเอาใจใส่เขาบ้างด้วยความเข้าใจ เชื่อมั่นในตัวเขา และกระซิบข้างหูเบาๆให้เขาได้ยินว่า "คุณยังยืนอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลา"

ผมเชื่อมั่นว่าเขาจะลุกขึ้นสู้เพื่อคุณอย่างสุดกำลังความสามารถของเขาอีกครั้งอย่างแน่นอนเพราะกำลังใจจากผู้หญิงที่เข้าใจเขาเพียงคนเดียวในฐานะ"คู่ชีวิต" มีค่ามากกว่าจากผู้หญิงสวยๆทุกคนบนโลกใบนี้รวมกันเสียอีก

ถ้าหาก"คู่ชีวิต"ทำได้เพียงแค่นี้ นอกจากคุณจะได้ใจนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้เป็นสามีแล้วในใจของเขาคิดว่า "คุณจะโดดเด่นขึ้นมาจนเกินหน้าสาวๆทุกคนบนโลกใบนี้อย่างแน่นอนที่สุด"

แต่ในทางกลับกัน หากคุณเฉยเมย เงียบเฉยไม่ใส่ใจตัวเขาขอจงจำไว้อย่างว่า คุณได้จุดฉนวนระเบิดเวลาใส่ตัวเองไว้เรียบร้อยแล้วรอรับผลของมันที่จะเกิดตามมาไม่ช้าก็เร็ว

หลายคู่ที่เราพบเห็นภายนอกนั้นสมบูรณ์เพรียบพร้อมทุกๆอย่าง แต่ไม่สามารถร่วมทางเดินชีวิตครอบครัวที่สวยงามได้ หนึ่งในสาเหตุก็มักจะหนีไม่พ้นเรื่องในลักษณะแบบนี้

อย่างหนึ่งผมขอเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงที่มีสามีนักสู้เพื่อครอบครัวที่อยู่กับชีวิตคุณนั่นแสดงให้เห็นถึงว่า"คุณเป็นคนโชคดีที่สุดคนหนึ่งแล้ว"

อย่าทิ้ง"โอกาส"ที่ดีๆเหล่านี้ไปเสียนะครับขอให้กลับเอาไปคิด แล้วเปลี่ยน"ความคิดที่ดี"ให้เป็นโอกาสที่จะทำดีๆเอาไว้ อย่าทำด้วยความคิดของตัวคุณเองโดยไม่รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คิดเองเออเองมันจะทำให้สูญเสียโอกาสดีๆไปได้ง่ายๆ

สิ่งที่ผมได้เขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติและเตือนใจใครหลายๆคนรวมทั้งผมเองด้วย ผมหวังเหลือเกินว่าทุกๆท่านจะได้รับประโยชน์ในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ขอสิ่งต่างๆที่ได้รับส่งผลให้ผู้หญิงที่ผมรักขอให้ประสบแต่ความโชคดีสุขภาพร่างกายแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนาทุกประการ

            Ta.......รักห่วงใยเสมอ

             ด้วยความปรารถนาดีจาก

                "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                         สวัสดี

www.โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง.com
Fb.songrit songrit
Lind id.taaoo429

"ความกล้าหาญ วิณญาณของนักสู้"


"ถ้าคุณไม่มีความกล้า นั่นคุณมีแต่ความกลัวแต่ถ้าคุณมีความกล้า ความกลัวก็จะไม่บังเกิดกับคุณ"

.....ความกล้าในสิ่งที่ดีที่ควรทำมักเป็นบ่อเกิด "แห่งความสำเร็จ" แต่ถ้าขณะหนึ่งเรานั้น"มีความกลัว"เกิดขึ้น ความกล้านั้นก็จะ"หาย"จากเราไป ความกลัวจึงเป็นบ่อเกิดของ"ความพ่ายแพ้"หากเราไม่คิดสู้หรือทำให้เกิดความกล้าที่จะทำแล้ว"จงอยู่เฉยๆ"อย่าได้คิดทำอะไรกับมัน"ความสำเร็จ"ก็จะไม่บังเกิดกับ"คนที่กลัว"โดยเด็ดขาด

                 มอบให้กับคนที่รักมาก

               

                ด้วยความปรารถนาดีจาก

                   "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                            สวัสดี

Friday, December 2, 2016

ชีวิตคือการเดินทาง

"ชีวิตการเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด
บ้างสดุดหกล้มอย่าหวั่นไหว
เดินเหยียบหนามบนทางเดินอย่าท้อใจ
ขอให้ใจยึดมั่นอย่าหวั่นเกรง

.....แม้หนทางนั้นแสนยาวไกลนัก
ด้วยใจภักดิ์มั่นในจิตที่คิดสู้
ขอให้ก้าวต่อไปเมื่อยังหายใจอยู่
อย่าหดหู่ท้อถอยเพราะใจตน

....ก้าวเดินแรกยังมีถึงซึ่งฝั่งฝัน
หากใจยังไม่ทดท้อก็อย่าไหว
หนทางฝันนั้นมันอยู่ไม่ไกล
ด้วยหัวใจมุ่งมั่นขยันเดิน

......คิดก้าวเถอะอย่ารอและท้อถอย
กำลังใจมีเป็นร้อยๆคอยจะให้
เมื่อทำแล้วทำดีทำต่อไป
อีกไม่ไกลความสำเร็จนั้นจะเป็น "คุณ"

                       

                 ด้วยความปราถนาดีจาก

                  "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                     สวัสดีราตรีสวัสดิ์

Wednesday, November 30, 2016

อยู่เพื่อรออะไร???

"จะทำอะไรก็รีบทำอย่ารั้งรอ
อย่ามัวง้อขอโอกาสจากใครเขา
จะนั่งคิดนั่งกลุ้มทำไมเรา
จะให้เขาเข้ามาหาก็ช้าไป
ตัวเราอยู่ที่เราใช่ใครอื่น
อย่าทนฝืนคืนชะตาไว้ที่เขา
มีสติจงรีบเร่งทำได้รีบทำเอา
อย่าให้เขามาสมน้ำหน้าเมื่อช้าไป

อันตัวเราช่วยตัวเราแน่นอนนัก
อย่าหยุดพักเวลาทำไม่เป็นผล
อย่าให้เวลาพาเรานั้นอับจน
ต้องสู้ทนทำให้ได้เรานั้น"ฅน"

ด้วยความปราถนาดีจาก

"โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

   By.......Songrit

Sunday, November 13, 2016

"เรือจ้าง"


                                 12/10/2559


                                                                    “เรือจ้าง”

ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปีเต็มของการทำหน้าที่ “โค๊ชที่ให้ความรู้ แนวคิดในการทำงาน ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มมุมมองให้กับผู้จำหน่าย ผู้จัดการทั่วไป ผู้จัดการฝ่ายขายและทีมงานขาย ซึ่งต้องทุ่มเทและเอาใจใส่ อาชีพนี้จึงเปรียบเสมือน “เรือจ้าง” นั้นเอง
นับว่าเป็นเส้นทางที่ไม่ได้ง่ายดายสำหรับอาชีพนี้ ต้องห่างบ้านเป็นเวลาหลาย ๆ วันหรือเป็นเดือนเพื่อเดินทางไปโชว์รูมผู้จำหน่ายทุกแห่งทั่วเมืองไทย มีหลาย ๆ คนถามผมว่า “สนุกกับการเดินทางและท่องเที่ยวไปทุกหนทุกแห่ง มากหรือเปล่า?”  ผมตอบได้เลยว่าไม่ได้สนุกเลยแต่ที่สนุกและมีความสุขคือ “ความสุขใจ” ของการได้ให้ที่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด

อาการป่วยก็เป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแม้ว่าเราจะระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพตัวเองแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องปกติของร่างกายคนเราที่จะเกิดอาการเจ็บป่วยได้จากการเดินทางต่างสถานที่บ่อยครั้ง ซึ่งต้องรีบรักษาตัวเองให้ทุเลาเบาบางลงไปให้ได้โดยเร็วเพื่อการสอนจะได้ไม่ติดขัดและดำเนินต่อไปได้
มีอยู่ครั้งนึง ในคืนนั้นที่ผมมีอาการป่วยที่คิดว่าเช้ารุ่งขึ้นจะไม่สามารถเข้าสอนที่โชว์รูมผู้จำหน่ายได้ ผมไม่สบายไข้ขึ้นสูงมากหนาวสั่นจนไม่รู้จะเอาผ้าห่มจากไหนมาเพิ่มได้อีก หูอื้อไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่มีแม้แต่เสียงที่จะพูด ครั้นจะไปโรงพยาบาลก็ไม่มีรถที่จะไป สิ่งแรกที่บอกตัวเองได้ในตอนนั้น คือ “ ต้องกินยาและพักผ่อนให้มาก ๆ ” เพื่อบรรเทาอาการเหล่านั้นให้หายให้เร็วที่สุด ในครั้งนั้นตัวผมป่วยจนแทบจะทนไม่ไหว แต่สิ่งที่กลัวมากที่สุดกลับไม่ได้กลัวว่าเราจะป่วยเป็นอะไรมาก แต่สิ่งที่กลัวมากกว่านั้นคือ “กลัวว่าผู้จำหน่ายและทีมงานจะรอเรา”
การเดินทางก็อีกเช่นกัน จากจังหวัดหนึ่งสู่อีกจังหวัดหนึ่ง ไม่ว่าจะเดินทางด้วยเครื่องบินที่ผมไม่คุ้นชินกับมันเลยทั้ง ๆ ที่เดินทางด้วยเครื่องมาเป็นเวลาหลายปีแล้วก็ตาม และรถยนต์ส่วนตัวซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน และบางครั้งเวลาที่ไปสอนต้องเจอกับสิ่งที่ไม่ควรจะได้เจอทั้งคนและองค์ประกอบอย่างอื่นที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ก็ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นและความพยายามอย่างมากที่จะทำมันให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
การเรียนรู้ที่จะอยู่โดยลำพังในต่างถิ่น และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเราเอง ถึงแม้บางครั้งเกิดความเหงาอยู่บ่อยครั้งก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยปากบอกกับใคร ๆ ได้ต้องเก็บมัน แต่การได้ออกมาทำอาชีพ “เรือจ้าง” มันไม่ใช่ความ “ทุกข์” มันคือ “ความสุข” สุขกับ “การได้ให้” มันเป็นความรู้สึกที่ดีเสมอตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่ ที่ได้ให้วิชาความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ และการเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อทุก ๆ คนจะได้นำไปฝึกฝนสร้างทักษะประสบการณ์ในอาชีพได้ “เป็นวิทยาทานของการให้” ที่เราทั้งทีมงานสามารถทำมันได้ดี
งานทุกงานของพวกเรามันคืองานแห่ง ความรับผิดชอบของการให้ที่ไม่ได้หวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นการตอบแทน” คำว่าหน้าที่ถือว่าความหมายนี้มันยัง “น้อยมาก” เมื่อเทียบกับคำว่า ความรับผิดชอบของการให้ ”
หลาย ๆ ท่านฟังแล้วคงคิดว่าอาชีพนี้คงจะสบายได้ท่องเที่ยวไปทั่วประเทศน่าจะเป็นงานที่สนุก แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างที่ทุก ๆ คนคิด ลำพังเพียงการสอนนั้นก็หมดเวลา ท่านคิดว่าเราจะหาเวลาจากตรงไหนเพื่อการพักผ่อนหรือเพื่อการท่องเที่ยวอย่างที่ทุก ๆ คนคิดแบบนั้นได้
การสอนที่เราจะต้องเตรียมการสอนหรือเรียกกันง่าย ๆ ว่าต้อง “ทำการบ้าน” ก่อนทุก ๆ ครั้งที่จะเข้าสอน เราจะต้องปรับตัวเข้าหาผู้จำหน่ายและทีมงานขาย ซึ่งแต่ละที่นั้นไม่เหมือนกันความยากง่ายย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา
สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกให้ทุก ๆ คนได้คิด
“อาชีพใดก็แล้วแต่ล้วนแต่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี อย่าได้ดูถูกอาชีพที่ทำอยู่เด็ดขาด แต่ต้องมีความรักความรับผิดชอบต่ออาชีพให้มาก”
 เพราะทุกคนนั้นมีอาชีพเพื่อเลี้ยงชีวิตตัวเอง เลี้ยงทุก ๆ ชีวิตในครอบครัว
“อย่าได้อยู่เพื่อหวังพึ่งพิงเพียงแค่มีอาชีพที่ได้ทำงานไปวัน ๆ หรือมีชีวิตในการทำงานแค่หายใจทิ้งไปวัน ๆ เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์อันใด”
ต้องศรัทธาในอาชีพหรืองานนั้น ๆ ที่เราทำมันด้วยความรักในอาชีพให้มากที่สุด
มีคำพูดประโยคหนึ่งที่เคยได้ลงให้ทุกคนได้อ่านแล้ว ขอนำมาลงอีกครั้งว่า
"...อาชีพเรือจ้างทำหน้าที่เพียงพายเรือไปส่งให้ถึงฝั่ง
...เกิดมรสุมอย่างไรก็ต้องส่งเขาให้ถึงฝั่ง
..แต่ตัวเรานั้นจะกลับอย่างไรไม่สำคัญ
...แต่ก็สุขใจที่ได้ทำหน้าที่นี้อย่างสุดความสามารถจากความรู้และประสบการณ์ที่มี...”

อาชีพ “เรือจ้าง” ....เป็นอาชีพที่มีความสุขที่สุดเมื่อเทียบกับการที่ทำงานอย่างอื่นมาทั้งชีวิตนี้......สุขใจมากจริงๆ เป็นอาชีพของผู้ให้อย่างแท้จริงให้โดยไม่คิดถึงผลตอบแทนใด ๆ กลับคืนมา แค่นี้เราก็..สุขใจ.....

สิ่งใด ๆ ที่ทุก ๆ คนได้อ่านและได้เรียนรู้จากบทความบทนี้ที่สามารถทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ขอให้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องที่คอยเตือนสติในการทำงานและการดำรงค์ชีวิตประจำวันของทุก ๆ คน และขอ มอบสิ่งดี ๆ ที่ท่านได้รับไปคืนสู่ผู้หญิงที่ผมรักมากขอให้ทุก ๆ สิ่งที่ตัวเขาคิดทำขอให้สัมฤทธิ์ผลดั่งใจที่เขาต้องการ



                                                                                                      Ta......รักและห่วงใยมาก
     
                                                                 ด้วยความปราถณาดีจาก

                                                                                                                          "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                                                                                                              
                                                                                                                                     สวัสดี

ขอบคุณสำหรับการติดตามบทความนะครับจะรักษาสิ่งดีๆนี้ไว้เพื่อตอบแทนคุณทุกๆคนที่ได้กรุณาติดตามผลงาน....ขอบคุณจากใจจริง .....


• www.โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง.com
• snuprai.blogspot.com
• facebook: songrit songrit
• Line Id: taaoo429

Friday, November 11, 2016

"ครูคนแรก"


                                                                                                                                                             1/11/2559




                    "ครูคนแรก"


ประสบการณ์อันประทับใจที่ทำให้ผมยากที่จะลืมเลือนได้ สำหรับอาชีพของการเป็นนักขายหรือเซลส์แมน

เรื่องมันก็เกิดกับผมเองอีกนั่นหล่ะครับ หลายคนอาจมองว่าทำไมชีวิตผมมันถึงมีอะไรเกิดขึ้นได้มากมายขนาดนี้ ก็ต้องตอบกันตรงๆ ครับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผมจริงๆ ซึ่งมันก็ยากนะครับที่ใครจะมีโอกาสเจอแบบผมอย่างนี้ เรามาลองอ่านกันดูนะครับ

ก่อนที่ผมจะก้าวเข้ามาเป็นเซลส์ที่บริษัทจำหน่ายรถยนต์นั้น ผมเคยทำงานด้านการขายรถกับบริษัทโบรกเกอร์มาก่อน ซึ่งขายรถยนต์ทุกยี่ห้อ โดยอาศัยการตัดรถเพื่อเอามาขายให้กับลูกค้า ซึ่งตอนนั้นผมเรียกได้ว่าเป็นเซลส์แบบบริสุทธิ์จริงๆ คือเป็นการทำงานครั้งแรกในอาชีพนี้ วิทยายุทธต่างๆ ในด้านงานขายไม่เคยได้ร่ำเรียนจากไหนมาก่อนเลย ต้องลองผิดลองถูกในสนามจริงๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ประสบการณ์ที่ผมจำได้ไม่เคยลืมเลือนเลย วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้อยู่เวรประจำที่โชว์รูม มีโอกาสได้ต้อนรับลูกค้าคนแรกในชีวิตของการเป็นเซลส์ขายรถ ผมขออนุญาตใช้คำเรียกแทนลูกค้าท่านนี้ว่า "พ่อเลี้ยง" นะครับ

พ่อเลี้ยงท่านเป็นคน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วพ่อเลี้ยงทางภาคเหนือในสมัยนั้นจะทำธุรกิจค้าไม้เป็นอันดับต้นๆ (สมัยก่อนมีการให้สัมปทานทำไม้ในภาคเหนือเยอะมาก แต่ปัจจุบันหาไม่มีแล้ว)

พ่อเลี้ยงเดินสูบซิกก้ามวนใหญ่ๆ เข้ามาในโชว์รูมตอนสายๆ ของวันนั้น ท่านเป็นคนพูดเสียงดังฟังชัดท่าทางค่อนข้างที่จะดุมาก ประโยคแรกที่พ่อเลี้ยงพูดออกมาว่า “จะมาดูรถ” ผมได้ยินเสียงนั้นค่อนข้างที่จะดังมาก จึงรีบหันไปหาที่มาของเสียงนั้นทันที พอผมเห็นต้นตอของเสียงก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปให้การต้อนรับลูกค้าท่านนี้ทันที ตามประสาของความที่เป็นเซลส์ใหม่ที่ต้องกระตือรือร้นในการต้อนรับ ดูแลเทคแคร์พ่อเลี้ยงอยู่นานพอสมควรพูดคุยสนทนากันถูกคอมาก ด้วยอุปนิสัยที่รักการบริการของผมจึงไม่เป็นการยากสำหรับเรื่องนี้

ความประสงค์ของพ่อเลี้ยงคือต้องการอยากจะได้เบนซ์ E 230 หนึ่งคัน ในราคาล้านกว่าบาทในสมัยนั้น หลังจากเจรจาตกลงเรื่องราคารถกันเสร็จสรรพ ผมก็จัดเตรียมเอกสารใบจองแล้วเขียนใบจองด้วยความเร่งรีบและตื่นเต้นระคนกันไปกับความดีใจที่ได้รับจองลูกค้ารายแรกในชีวิต (หลายๆ คนคงจะเป็นเหมือนผมนะครับประเภทมือไม้สั่นอะไรประมาณนั้น) จัดการเขียนใบสั่งจองเสร็จเรียบร้อยและพร้อมที่จะส่งใบจองให้กับพ่อเลี้ยงเพื่อเซ็นต์ชื่อในการจองรถ ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิด ผมไม่ได้คิดเฉลียวใจเลยสักนิดว่าพ่อเลี้ยงแกกำลังคิดอะไรกับผมอยู่ ณ ตอนนั้นซึ่งเป็นการคาดเดาได้ยากมากสำหรับลูกค้า

พอผมยื่นใบจองให้พ่อเลี้ยงเซ็นต์ชื่อ ตัวพ่อเลี้ยงเองชำเลืองมองมายังปากกาที่ผมยื่นให้เซ็นต์พร้อมกับใบสั่งจอง  ซึ่งแกก็เซ็นต์ชื่อตามที่ผมได้ยื่นไปทุกอย่าง พอเซ็นต์เสร็จผมขออนุญาตพ่อเลี้ยงที่จะขอรับเงินจองรถเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท เพื่อที่จะนำเงินและใบสั่งจองรถส่งให้กับธุรการขายเพื่อทำการออกใบเสร็จรับเงินจองและสำเนาใบสั่งจองรถให้กับลูกค้า

คุณเห็นหรือเปล่าครับดูๆ แล้วมันไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมเลย..........แต่ทันใดนั้นเองปากกาเจ้ากรรมด้ามนั้นที่ผมส่งให้พ่อเลี้ยงเซ็นต์ชื่อในใบจอง พ่อเลี้ยงได้ปาปากกาด้ามนั้น ใส่กลางหลังของผมอย่างเต็มแรง

ความรู้สึกตอนนั้นมันตกใจ และมันตื้อไปหมดในขณะนั้น แต่แปลกมากผมไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรพ่อเลี้ยงเลยสักนิด แต่กลับคิดว่า "ความผิดพลาดนั้นมันต้องเกิดจากเราอย่างแน่นอน" คิดได้ดังนั้นจึงหันหลังกลับไปถามพ่อเลี้ยงด้วยกิริยาท่าทางที่สุภาพอ่อนน้อม พร้อมกับถามออกไปว่า

“พ่อเลี้ยงครับผมบริการหรือดูแลพ่อเลี้ยงผิดพลาดประการใด สิ่งไหนที่กระผมได้ทำผิดพลาดไปขอให้พ่อเลี้ยงได้กรุณาชี้แนะและสอนผมด้วยนะครับ”

แกตอบกลับมาว่ายังไงรู้มั๊ยครับ

“มึงไม่ได้ดูแลกูผิดพลาดอะไรเลย มึงดูแลกูได้ดีมากๆ  แต่!!! มึงจะดูถูกลูกค้าทุกคนอย่างนี้ไม่ได้”

เอาแล้วสิครับ ด้วยความที่เป็นเซลส์ใหม่คิดอะไรก็ไม่ออกเลย นิ่งคิดอยู่นานพอสมควรก็เลยถามพ่อเลี้ยงกลับไปอีกว่า

 "ขอโทษนะครับกระผมได้ดูถูกพ่อเลี้ยงตรงไหนโปรดแจ้งกระผมด้วยครับเพื่อการพัฒนาการบริการของผมให้ดีขึ้นกว่าเดิม"

เพราะด้วยความที่ผมนั้นเป็นเซลส์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องการบริการอย่างนี้มาก่อนเลย ถ้าเจอเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ผมจะทำยังไงและจะต้องแก้ไขด้วยวิธีไหน

พ่อเลี้ยงก็เลย "สั่งสอน" ผมว่า

"ไอ้โอ๋มึงไม่ได้ดูแลลูกค้าผิดพลาดขั้นตอนไหนเลย มึงทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีที่สุดแล้ว แต่ตัวมึงลืมคิดไปว่า ปากกาที่มึงให้กูเซ็นต์นั้นมันเป็นปากกาอะไร ลูกค้าคนอื่นอาจจะไม่คิด แต่ให้ระวังถ้าเกิดลูกค้าเขาคิดขึ้นมา แล้วมึงจะทำอย่างไร? "

(ขออนุญาตใช้ประโยคเดิมที่พ่อเลี้ยงได้สั่งสอนผมมานะครับ อาจจะไม่สุภาพไปบ้างเพราะท่านให้ความเป็นกันเองอย่างมากกับผม)

“มึงต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้ ให้ระวังการใช้สิ่งของต่างๆ เหล่านี้ให้มากๆ กูซื้อรถมึงราคาเป็นล้าน แล้วทำไมมึงถึงยื่นปากกาแบบนี้ให้กูเซ็นต์ กูไม่ได้คิดอะไรกับมึงหรอกนะ แต่ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นหล่ะเขาจะคิดยังไงกับมึง??”

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ใครมันจะไปคิดได้จริงมั๊ยครับ (เพราะมันเป็นเรื่่องเล็กน้อยสำหรับเรา เลยทำให้เราลืมความสำคัญตรงนี้ไป แต่ในมุมมองของลูกค้าแล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องเล็กน้อยเลย เพราะฉะนั้นขอให้ทุกๆคนอย่าได้ลืมเรื่องเล็กๆน้อยในลักษณะแบบนี้หรือแบบอื่นๆไปเสียนะครับ)

พอได้ยินแกบอกผมอย่างนั้นแล้ว ผมนั้นรีบยกมือไหว้เพื่อขอโทษและขอบคุณพ่อเลี้ยงทันที

"ด้วยความเคารพครับ กระผมเป็นเซลส์ใหม่เพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่กี่วันเองครับพ่อเลี้ยง ถ้าสิ่งไหนที่ผมได้ทำผิดพลาดไป กระผมต้องกราบขอประทานโทษด้วยจริงๆ"


ผมเองไม่มีเงินพอที่จะซื้อหาปากกาดีๆ เอาไว้พกเพื่อบริการลูกค้าผู้มีพระคุณได้เซ็นต์ใบจองครับ แม้แต่เสื้อผ้าผมเองก็มีเพียงแค่ชุดเดียว ที่จะต้องซักทำความสะอาดมันทุกๆวัน

 "แต่ในจิตใจของผมมันเต็มไปด้วยหัวใจของการบริการและงานขายที่ผมจะทำมันให้ดีที่สุดเท่านั้นที่ผมนั้นสามารถทำมันได้"

ผมพูดกับพ่อเลี้ยงซึ่งแกก็ฟังอย่างตั้งใจในสิ่งที่ผมได้บอกไป (เพราะมันเป็นเรื่องจริงไม่มีอะไรที่จะต้องโกหกลูกค้า) เมื่อพูดคุยทำความเข้าใจเรียบร้อยต่างคนก็ต่างเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นก็ล่ำลากันไป ส่งลูกค้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมานั่งคิดถึงคำที่พ่อเลี้ยงได้กรุณาสั่งสอนผมไว้ ซึ่งผมถือว่าเป็นคำสอนที่มีค่ามากสำหรับผมมาจนถึงทุกวันนี้

"คำสอนที่พ่อเลี้ยงได้กรุณาสอนผมไว้นั้นมันยังดังกึกก้องอยู่ในหัวสมองของผมอยู่ตลอดเวลา"

หลังจากวันนั้นผ่านไปอีก 7 วัน ถึงวันที่พ่อเลี้ยงมารับรถตามใบจอง ผมทำหน้าที่จัดการทุกขั้นตอนตั้งแต่ทำความสะอาดรถเองและทำทุกๆ อย่างเองทั้งหมด เตรียมความพร้อมการส่งมอบรถให้กับพ่อเลี้ยงเป็นอย่างดีทุกขั้นตอน อธิบายรายละเอียดการใช้งานต่างๆ ของตัวรถ การใช้งานและการดูแลรักษาเบื้องต้น จนเป็นที่เข้าใจของพ่อเลี้ยง ไม่มีข้อไหนเลยที่พ่อเลี้ยงจะต้องสอบถามเพิ่มเติมอีก (ดูมันช่างง่ายนะครับ ถ้าหากว่าเรานั้นได้ใจของลูกค้าทั้งหมดแล้ว)

พอผมได้ส่งลูกค้าขึ้นรถเรียบร้อยแล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดกับผมอีกครั้ง จนได้ เรื่องมันมีอยู่ว่า พอพ่อเลี้ยงก้าวขึ้นรถเรียบร้อยแกก็เรียกผมมาหาอีกครั้ง

 " พ่อเลี้ยงได้ยื่นกล่องสีดำมาให้ผมหนึ่งกล่อง พร้อมกับซองสีขาวอีกหนึ่งซอง "

แกพูดกับผมว่า

 “นี่เป็นรางวัลสำหรับการต้อนรับดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีของมึงนะ กูอยากให้มึงเก็บเอาไว้ใช้ และมึงต้องสัญญากับกูว่ามึงจะต้องดูแลลูกค้าของมึงทุกๆ คนเหมือน ผู้มีพระคุณ ของมึง”

(ฟังแล้วมันเกิดแรงบันดาลใจกับผมอย่างมากที่จะมุ่งมั่นให้การบริการลูกค้าของผมนั้นได้พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ)

ท่านรู้มั้ยครับพ่อเลี้ยงได้ให้อะไรกับผมเอาไว้ "กล่องดำ" ของพ่อเลี้ยงนั้นเป็น กล่องปากกายี่ห้อดัง      "ม็องบลัง" (คิดราคาคร่าวๆในสมัยนั้นก็น่าจะอยู่ราวๆ 8-9 พันบาทเห็นจะได้) และซองขาวอีกหนึ่งซอง ภายในซองบรรจุเงินสดอยู่จำนวน 20,000 บาท (ท่านลองคิดดูสิว่าเงินจำนวนนี้ในสมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมานั้นคุณค่าของเงินมันจะประมาณไหนเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยนี้) พ่อเลี้ยงได้พูดกับผมอีกว่า

“นี่คือทุนชีวิตของมึงเอาไว้สำหรับการทำงาน และให้รักษามาตรฐานการทำงานที่ดีๆอย่างนี้ต่อไป ชีวิตมึงจะต้องไปได้ดีกว่านี้แน่นอน”

(มันเป็นคำอวยพรที่ทำให้ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่สุด)

ไม่ต้องถามผมเลยนะครับว่าตอนนั้นผมรู้สึกอย่างไรกับมัน นี่หรือที่เขาพูดกันว่า

“ทำอะไรก็แล้วแต่อย่าได้คิดถึงสิ่งตอบแทนที่จะกลับมาหาเรา เพียงแต่ให้พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสำหรับหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบ”

เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับหน้าที่ของ "เซลส์แมน" อย่างเราๆ

ผมเข้าใจคำสอนของพ่อเลี้ยงตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาว่า "ลูกค้าทุกๆ คนเป็นผู้ที่มีพระคุณของเรา"

วันที่ผมมีความรู้สึกที่คิดอะไรไม่ออก หรือทำอะไรไม่ได้อย่างที่ใจเราคิด ผมมักจะเปิดปากกาด้ามนี้ขึ้นมาดูทุกๆครั้ง มันทำให้ความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้งที่ได้เห็นมัน มันเปรียบเสมือนกำลังใจในการทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบทุกๆครั้งไป

ผมตั้งใจเก็บรักษาปากกาด้ามนี้เอาไว้อย่างดีที่สุดไม่เคยที่จะนำออกมาใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เก็บเอาไว้เป็น "ครู" ที่คอยสอน คอยเตือนสติอยู่ตลอดเวลา ยามใดที่เราคิดอะไรไม่ออก บริหารงานได้ไม่ดีพอ เกิดความท้อแท้ในใจ หรือมีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวผม "ผมมักจะเปิดกล่องปากกาด้ามนี้ออกมาดู" ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้ทุกครั้งที่ได้เห็นปากกาด้ามนี้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะยากหรือง่ายแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะผ่านมันไปได้ทุกครั้ง

นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างความประทับใจที่ผมไม่อาจลืมเลือนมันไปได้ เป็นเหมือนแสงสว่างนำทางผม ที่ลูกค้าท่านนี้ได้จุดประกายความรับผิดชอบในหน้าที่นี้ให้กับผม และยืนหยัดขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้

สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกพวกเราว่า

“เราทุกคนไม่ว่าจะทำหน้าที่ตรงไหนจุดไหนก็ตาม เรานั้นได้ทำหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบอย่างเต็มความสามารถของตัวเองดีแล้วหรือยัง”

 เป็นสิ่งที่ผมอยากจะฝากให้ทุกๆ คนได้คิดเป็นแนวทางในการทำงานเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ประสบการณ์ของเรา เราสามารถสร้างขึ้นมาได้เสมอไม่ว่าคุณหรือผมจะอยู่ในยุคสมัยไหนก็ตาม อยู่ที่ว่าเรานั้นจะสร้างมันขึ้นมาในงานรูปแบบใด หรือจะสร้างมันมาอย่างไร และขอให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีๆ เหล่านี้ไว้เพื่อสอนน้องๆ ลูกทีมของคุณในอนาคต และเพื่อเตือนสติตัวเราเอง

สิ่งที่ผมได้เขียนให้ทุกท่านอ่านนี้ ไม่ใช่ว่าตัวกระผมนั้นจะเก่งถึงขนาดนั้น แต่มันเป็นประสบการณ์ดีๆที่ได้ผ่านมา ไม่ได้มีเจตนาร้ายที่จะกล่าวโทษใครทั้งนั้น แต่เป็นเจตนาที่ดีที่จะให้ทุกๆ คนได้รับรู้และเป็นสิ่งที่คอยเตือนสติในชีวิตการทำงานเพียงเท่านั้นเอง

ถ้าสิ่งไหนที่ท่านสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้จากบทความนี้ กระผมขอมอบสิ่งที่ดีๆ กลับคืนสู่ท่านทั้งหมด และส่งผ่านไปยังผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดให้เขาได้มีกำลังใจและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

Ta........รักและห่วงเสมอ

     

                    ด้วยความปราถนาดีจาก

                     "โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"

                              สวัสดี


♡♡ ขอบคุณทุกๆท่านที่ได้ติดตามงานเขียนบทความมาโดยตลอด ♡♡

www.โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง.com

snuprai.blogspot.com

Facebook:songrit songrit

Line ID:taaoo429