11/6/2560
0:38 น.
" หนังกำพร้า "
ด้วยเวลาที่มีอย่างจำกัด ในช่วงเวลานี้เวลาที่ทุกๆคนนั้นได้หลับไหลพักผ่อนกายากัน แต่สำหรับผมนั้นกลับสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเกิดอาการที่นอนไม่หลับตาค้างตามประสาคนที่มีอายุอานามมากพอควร นึกถึงเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับสาวน้อยคนหนึ่งขึ้นมาทันใด เมื่อครั้งเรื่องราวดังกล่าวผ่านมาแล้วเป็นเวลา 1 ปีเศษๆเห็นจะได้ และพูดคุยกับลูกศิษย์คนนี้ถึงเรื่องราวของเธอเกี่ยวกับเรื่องที่หลีกหนีไม่พ้นนั่นคือเรื่องของ "ความรัก" ที่มันไม่ได้เป็นไปอย่างใจที่คิดเอาไว้
วันเวลาที่แสนนานที่ผ่านมาในชีวิตรักของสาวน้อยนั้นเต็มไปด้วยความราบรื่น และดีเสมอมาโดยตลอด ต่างคนต่างเติมเต็มความรักที่มีให้กันตลอดมา ไม่ได้มีเรื่องราวที่ให้ขุ่นข้องหมองใจวิตกกังวลอะไรเกิดขึ้นเลย จนกระทั่งวันหนึ่งผ่านไป เธอได้มองเห็นความผิดปกติของแฟนหนุ่มเข้า เป็นความผิดปกติที่เธอนั้นไม่อยากที่จะให้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยกับชีวิตรักของเธอ
จับได้ไล่ทันความคิด และการกระทำของแฟนหนุ่มของตัวเองที่พยายามปลีกตัวออกห่างและท้ายที่สุดก็ทิ้งเธอไปมีความรักใหม่จนได้ จนแล้วจนรอดได้ทิ้งร่องรอยบาดแผลลึกในจิตใจ และความรู้สึกของเธอคนนี้ จมติดอยู่กับห้วงของวันเวลาที่เลวร้าย และภาพอดีตที่ยังไม่เลือนไปจากความทรงจำ เปรียบเสมือนหนังกำพร้าที่ยึดติดแต่ต่อจากนี้ไปก็จะหลุดร่วงหายไปจากร่างกาย แต่สาวน้อยผู้นี้ยังจมติดคิดว่าหนังกำพร้ายังคงติดแน่นอยู่มิได้หายไป และยังอยากที่จะรักษาผิวหนังกำพร้านี้เอาไว้ ไม่ยอมที่จะให้มันหลุดล่วงไปเพราะตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะทำใจได้
จนกระทั่งวันหนึ่งผู้เขียน และอาจารย์ของสาวน้อยผู้นี้ ได้รับฟังเรื่องราวจากปากของเธอในขณะที่เธอยังคงติดกับหนังกำพร้าอยู่ เพราะความที่เธอนั้นไว้เนื้อเชื่อใจที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมได้รับฟัง ซึ่งไม่มีคนที่เธอไว้เนื้อเชื่อใจอีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้เล่าให้ผมฟังนั้นมันเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ กับเรื่องราวที่ทำให้ "หัวใจของหญิงสาวผู้นี้แตกสลายไปเพราะความรัก" ซึ่งในความเป็นจริงแล้วใครก็ตามที่ได้ฟังอย่างผมก็ต้องรู้สึกไปตามๆกันคือ "ช่างน่าเห็นใจ" เธอจริงๆ
ถึงแม้ว่า "หนังกำพร้า" นั้นได้หลุดพ้นจากเธอไปแล้ว ลองคิดดูกันนะครับว่าความทรมานนั้นเจ็บปวดรวดร้าวมากขนาดไหน สำหรับตัวผู้เขียนเองไม่สามารถที่จะประเมินความเจ็บปวดเหล่านี้ได้เช่นกัน เพราะคงจะเจ็บปวดมากๆ หรือแม้บางคนอาจจะทำร้ายร่างกายตัวเองเลยก็เป็นได้นะครับ เพราะพิษรักนี่เองที่ทำให้เธอเป็นอย่างนั้น
เล่าไปน้ำตาของความเสียใจก็หลั่งออกมาอย่างไม่ขาดสายต่อหน้าต่อตาของผู้เขียน ซึ่งมองดูอากัปกิริยาของเธออยู่แบบนิ่งๆอย่างตั้งอกตั้งใจฟังอยู่แบบห่างๆทั้งๆที่ได้รับฟังเรื่องราวเหล่านี้มามากต่อมากแล้ว ที่เธอได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ขมขื่นออกมาให้ผมได้ฟัง (มันก็เหมือนการที่ได้ระบายอะไรที่อยู่ในใจออกมาเพื่อไม่ให้มันแน่นในอกอยู่อย่างนั้น) ผมเองก็ต้องรับฟังทั้งด้วยหน้าที่ของการเป็นอาจารย์ และเป็นหน้าที่ที่ปรึกษาไปโดยปริยาย แต่ด้วยความเต็มใจนะครับ
พรั่งพรูเรื่องราวออกมาพร้อมกับน้ำตาของความขมขื่นอารมณ์จมดิ่งอยู่กับความผิดหวัง สักระยะหนึ่งเธอก็นิ่งเงียบเหมือนกลับได้สติขึ้นมา แล้วหันมาถามผมว่า "อาจารย์เคยเจอเรื่องราวแบบนี้เหมือนหนูมั๊ยค๊ะ" โอ้!!!!!!!!!!!!! เหมือนฟ้าฝ่าลงกลางใจผมเลย ถามใครไม่ถามดันมาถามผมซะงั้น ผมเองก็ต้องเคยเจอ และผ่านมาสิครับถึงได้รับรู้อาการแบบนี้ได้อย่างเข้าอกเข้าใจ แต่ก็ต้องชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของเธออย่างมาก หลังจากที่ผมได้ให้กำลังใจ ปรอบประโลมเธอแล้ว พร้อมให้การแนะนำไปด้วย ว่าการทำตัวเพื่อ "เปลี่ยนหนังกำพร้า" ออกไปแล้วพยายามที่จะปรับเปลี่ยนสร้าง "หนังกำพร้าที่แข็งแรงมั่นคง" ให้กับตัวเองเสียใหม่
รวบรวมกำลังกาย กำลังใจที่เหลืออยู่ในขณะนั้นพยุงร่างกาย และสภาพจิตใจที่อ่อนแอ หมดเรี่ยวแรงให้กลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ซึ่งผมเองก็ถือว่าจิตใจของ "สาวน้อยผู้นี้" นั้นเด็ดขาดเด็ดเดี่ยวกล้าหาญอย่ามาก ลุกขึ้นมาทำตัวใหม่ ปฏิวัติร่ายกายและจิตใจใหม่เพื่อให้พร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทำวันนี้ให้ดีที่สุดไม่คำนึงถึงอดีต และอนาคตที่กำลังจะเยื้องย่างเข้ามา สลัดร่องรอยความเจ็บปวดออกไป นี่สิครับถึงจะได้ขึ้นชื่อว่า "ความเข้มแข็ง"
งามพร้อมทั้งทางด้านจิตใจ (ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเธอเองก็รูปร่างหน้าตาสวยในความคิดของผมเองนะครับ) ไม่ใช่การแต่งแต้มขัดผิว อบซาวน่า หรือฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายเพื่อที่จะให้ผิวขาวใส หน้าตาเรียวงาม แต่สาวน้อยของผมผู้นี้ "เธอนั้นงาม งามพร้อมทั้งนอกและในจริงๆ" มันเป็นอะไรที่ผมจะได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้อดที่จะยิ้ม หรือแสดงภาคภูมิใจกับเธอไม่ได้ นี่สิถึงจะเป็นศิษย์กับอาจารย์ ที่บอกและแนะนำกันได้ในทุกๆเรื่อง (ขออนุญาตยอตัวเองซะหน่อย) ทำตัวเองให้มีคุณค่า และทำตัวเองให้มีคุณสมบัติที่ควรจะได้รับความรักใหม่ ไม่ใช่ทำตัวเองให้ตกลงสู่ห้วงเหวลึกดำไปเรื่อยๆ เช่น เกิดการเกลียดกันหลอกล่อต่อเอาทรัพย์สินของคนอื่นเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองจะเสียไป คือเรือนร่างก็จะเป็นการสร้างเวรสร้างกรรมต่อภพต่อชาติกันไปเรื่อยๆไม่มีวันจบวันสิ้นนะครับ (อย่าทำโดยเด็ดขาด)
นี่เป็นเรื่องราวย่อๆของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ผมเองคิดว่าเรื่องราวของเธอนั้นจะสามารถที่จะเตือนสติสำหรับคนที่ยังไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองลุกขึ้นมาได้ และจะเป็นกำลังใจในการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคที่ถาโถมสาดซัด คลื่นลมแรงที่จะประดังประเดเข้ามาอีกหลายระลอกในช่วงชีวิตของคนหนึ่งคน หลังจากนี้ไปสิ่งที่ผมจะได้เห็นจากสาวน้อยผู้นี้จะต้องกลับไปเป็นสิ่งที่สดใสร่าเริงอีกเหมือนเดิมแน่ๆ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอนผมเองภาวนาให้เกิดอย่างนั้นจริงๆเอาใจช่วยเธออย่างเต็มที่
นี่ก็เป็นเรื่องราวที่มีโอกาสได้พูดคุย และประสบกับมันมา คิดว่าคงจะช่วยเตือนสติสำหรับทุกๆคนได้ไม่มากก็น้อยนะครับ หวังว่าสิ่งต่างๆที่ผู้เขียนได้เขียนขึ้นนี้คงจะทำให้ผู้ที่กำลังจะลุกจากห้วงของความทุกข์ระทมให้ลุกขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้นยืนหยัดต่อสู้กับมันให้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความปราถนาดีอย่างที่ไม่ต้องหาค่าตอบแทนใดๆกลับมา เพราะผมเองตั้งใจที่จะเขียน และฝากผลงานเขียนต่างๆเอาไว้ให้ได้อ่านกันนะครับ
สุดท้ายนี้ทุกๆบทความที่เขียนที่บอกกล่าวถ้าหากว่ามีประโยชน์กับทุกๆท่าน ผลที่ทุกๆท่านได้รับประโยชน์นั้นโปรดดลบันดาลกลับคืนสู่ทุกๆท่านด้วยนะครับ ขอให้ประสบแต่สิ่ที่ดีๆ คิดอะไทำอะไก็ขอให้สมความมุ่งมาดปราถนากันทุกคน
ด้วยความปราถนาดีจาก
"โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง"
สวัสดี
ติดตามอ่านผลงานเพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook : songrit songrit
ID Line : taaoo429
ID Line : taaoo429
Google: พิมพ์คำว่า โค๊ชเฒ่าเล่าเรื่อง
snuprai.blogspot.com

No comments:
Post a Comment